หลัง Joe Biden ชูนโยบาย made in all of America เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้มีการลงทุนกับภาคการผลิตในประเทศภายใต้นโยบาย buy American ตอนนี้เขาทำตามสัญญาแล้ว
I believe there’s no greater economic engine in the world than the hard work and ingenuity of the American people. Today’s Buy American Executive Order will invest in the future of American industry and ensure workers are treated with the dignity and respect they deserve. pic.twitter.com/WzaMJgDCNW
กฎหมายผลิตในอเมริกา (Made in America Laws นี้ ใช้เป็นกฎเกณฑ์ นโยบายเพื่อทำให้เกิดการซื้อสินค้าของอเมริกาเพื่อคนอเมริกันเพิ่มมากขึ้น
สำนักงานการบริหารและงบประมาณของสหรัฐ (OMB) ต้องจัดตั้ง Made in America Office ขึ้น โดยมีผู้อำนวยการ OMB เป็นคนแต่งตั้งผู้อำนวยการ Made in America ขึ้นมา ใช้ระยะเวลา 45 วัน
รัฐบาลของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่าจะใช้ยานพาหนะของรัฐบางกลางเป็น EV ทั้งหมด โดยการประกาศดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของคำสั่งบริหาร “Made In America” ซึ่งกำหนดให้การใช้จ่ายส่วนใหญ่ของรัฐบาลต้องไปถึงธุรกิจอเมริกันและผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในอเมริกา กระตุ้นการสร้างงานในประเทศ
ยานพาหนะของรัฐบาลกลางในปัจจุบันคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 645,000 คัน โดยรัฐบาลไม่ได้บอกรายละเอียดไทม์ไลน์ชัดเจนว่าจะเริ่มเปลี่ยนรถเมื่อไร ซึ่งนี่อาจเป็นข่าวดีของผู้ผลิตรถในสหรัฐฯ เช่น Tesla, Rivian, Lordstown รวมถึง Ford และ General Motors ที่เริ่มลงทุนในรถ EV โดย Ford เคยประกาศจะลงทุนกว่าหมื่นล้านดอลลาร์ในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ส่วน GM จะทุ่มงบ 27,000 ล้านดอลลาร์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองไปจนถึงปี 2025
ไบเดนยังบอกด้วยว่า จะเพิ่มแรงจูงใจให้ประชาชนเปลี่ยนมาใช้รถ EV แต่ยังไม่มีแผนการเพิ่มเติม
Pres. Biden: “The federal government also owns an enormous fleet of vehicles, which we’re going to replace with clean electric vehicles made right here in America, by American workers.”https://t.co/figJbDMrptpic.twitter.com/racgwk9VGw
Joe Biden ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา กำลังคืนความภูมิใจของพลเมืองในประเทศและประชาคมโลกในสถานะบทบาทผู้นำโลกอีกครั้ง ด้วยการกลับเข้ามาร่วมมือ สนับสนุน WHO องค์การอนามัยโลก ช่วยโลกสู้โควิด-19 ระบาด
Biden เคยประกาศผ่านทวิตเตอร์สมัยที่ยังเป็นแคนดิเดตว่า เขาจะกลับมาร่วมมือกับ WHO ตั้งแต่วันแรกที่เขาได้เป็นประธานาธิบดี นอกจากนี้ กระบวนการถอนตัวออกจาก WHO จะใช้ระยะเวลา 12 เดือนและจะมีผลบังคับในวันที่ 6 กรกฎาคม 2021 นี้
Americans are safer when America is engaged in strengthening global health. On my first day as President, I will rejoin the @WHO and restore our leadership on the world stage. https://t.co/8uazVIgPZB
ด้าน Tedros แห่ง WHO นอกจากจะกล่าวคำขอบคุณ ซาบซึ้งที่อเมริกายังเห็นเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่ ยังมีแถลงการณ์ขอบคุณประธานาธิบดี Biden ที่จะเข้ามาร่วมอยู่ใน WHO และยังเห็นด้วยที่จะมาเข้าร่วมโครงการ COVAX เสาหลักแห่งวัคซีนซึ่งเป็นโครงการของ WHO ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ประเทศที่ไม่สามารถเข้าถึงวัคซีน สามารถเข้าถึงได้รวดเร็วและง่ายขึ้น
ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกกล่าวขอบคุณ Biden ที่กลับมาร่วมมือกับ WHO และเข้าสู่โครงการ COVAX
ผู้อำนวยการ WHO กล่าวขอบคุณประธานาธิบดี Biden และรองประธานาธิบดี Harris ผ่านทวีตข้อความเขาอีกครั้ง
Honoured to speak with @VP@KamalaHarris today. I thanked her & President @JoeBiden for their commitment to @WHO & global health. I am also grateful to the new administration for advancing women’s health & #ClimateAction. We look forward to continuing the & WHO partnership. pic.twitter.com/3QAjLNI4X0
Thank you for your faith in something that is bigger than all of us: that we will build a better world because we’re going to do it together. pic.twitter.com/k6JT7Os92N
Honored to witness history today. May God bless @JoeBiden and @KamalaHarris as they take on the work of healing our nation. May we all fulfill our duty as citizens to help our country and our fellow Americans through the challenges ahead. pic.twitter.com/dooSLnFePe
WASHINGTON, DC – JANUARY 20: Joe Biden is sworn in as U.S. President during his inauguration on the West Front of the U.S. Capitol on January 20, 2021 in Washington, DC. During today’s inauguration ceremony Joe Biden becomes the 46th president of the United States. (Photo by Alex Wong/Getty Images)
Biden ใช้โอกาสในการกล่าวคำสาบานตนพูดถึงมิตรประเทศทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบในช่วงสี่ปีที่ผ่านมาผ่านวาระ America first ของโดนัลด์ ทรัมป์ว่า เราจะปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับชาติพันธมิตรและประชาคมโลกอีกครั้ง นี่เป็นความท้าทายของเรา
There is no time to waste when it comes to tackling the crises we face. That’s why today, I am heading to the Oval Office to get right to work delivering bold action and immediate relief for American families.